‘Generation Beta’ ยุคสมัยที่เกิดมาพร้อมกับ AI

ผู้เรียบเรียง
ชนารัตน์ บุณยรัตพันธุ์
นักเอกสารสนเทศชำนาญการ ฝ่ายบริการ
สำนักหอสมุด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

Generation หรือยุคสมัยต่าง ๆ ในสังคมโลกนั้น ได้มีการแบ่งเกณฑ์ตั้งแต่ก่อนหน้ามาจนถึงปัจจุบันและจะต่อเนื่องเช่นนี้ไปยังอนาคตอีกหลายกลุ่ม โดยแบ่งเป็นช่วงปีและแบ่งตามความโดดเด่นที่เกิดขึ้นในแต่ละยุคสมัย ซึ่งการที่เริ่มต้นจากยุคสมัยของ Greatest Generation นั้น เนื่องมาจากเป็นยุคสมัยที่เริ่มหาหลักฐานมารวบรวม ยืนยันได้อย่างชัดเจนกว่าผู้คนที่อาจอยู่มาก่อนหน้านี้ และเพื่อให้การจัดแบ่งกลุ่มผู้คนในสังคมได้เห็นภาพที่กว้างขึ้น ก่อนจะนำมาสู่ยุคสมัยของ Generation Beta ที่เกิดขึ้นล่าสุดนั้น ดังจะเห็นลักษณะสำคัญของ Generation ต่าง ๆ เป็นดังนี้

            Greatest Generation (เกิดก่อน พุทธศักราช 2468) เป็นยุคแห่งการผ่านสงครามโลกครั้งที่ 1 มุ่งมั่นทำงานหนัก

            Silent Generation (พุทธศักราช 2468 - 2488) มีลักษณะเงียบขรึม เน้นครอบครัว

            Baby Boomers (พุทธศักราช 2489 - 2507) เป็นประชากรที่มีจำนวนมากในขณะนี้ 

            Generation X (พุทธศักราช 2508 - 2522) มีลักษณะชอบความเป็นอิสระ และความท้าทาย

            Generation Y หรือ Millennials (พุทธศักราช 2523 - 2539) เชื่อมต่อกับเทคโนโลยี ชอบทำงานเป็นทีม

            Generation Z (พุทธศักราช 2540 - 2552) เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม

            Generation Alpha (พุทธศักราช 2553 - 2567) มีลักษณะเชี่ยวชาญเทคโนโลยี เรียนรู้ไว เป็นตัวของตัวเองสูง

            ส่วน Generation Beta นั้น ต่อจาก Generation Alpha ซึ่งถือเป็นยุคสมัยล่าสุด ณ ขณะนี้ จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจว่ายุคสมัยของ Generation Beta นั้น มีลักษณะโดดเด่นอย่างไร มีสิ่งใดบ้างที่คนในยุคสมัยก่อนหน้าต้องเตรียมรับมือกับความท้าทายที่จะเกิดขึ้น การทำความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น ถูกต้อง ก็ย่อมจะช่วยให้เป็นการรองรับการเกิดและเติบโตของ Generation Beta นี้ ซึ่งต่อไปก็อาจจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เข้ากับ Generation นี้เพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากเมื่อสิ่งใดหรือผู้ใดไม่มีการพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงก็ย่อมสูญหายได้ ไม่ว่า Generation ใด ๆ ที่ยังคงอยู่ ผู้ที่ปรับตัวได้ก็ย่อมได้เปรียบในการใช้ชีวิต

The Beta generation refers to those born after 2025 who will become adults in the 2040s
ที่มา : medium.com

           Generation Beta หรือเรียกสั้น ๆ ว่า Gen Beta คือ ผู้ที่เกิดระหว่างปี 2025 - 2039 หลังจากยุคของ Gen Alpha คือ ผู้ที่เกิดระหว่างปี 2010 - 2024 ได้ผ่านพ้นไป โดย Gen Beta นั้น เป็นยุคที่ส่วนใหญ่ผู้เลี้ยงดูจะเป็นผู้ที่เกิดในยุค Gen Y หรือที่เรียกว่า Millennials และ Gen Z โดยเรียกรวม 2 Gen นี้ว่า ‘GenZennials’ ฉะนั้น ผู้เลี้ยงดูจึงถือเป็นผู้ที่เติบโตมาท่ามกลางการมีเทคโนโลยีมากมาย และได้ประสบกับปัญหาด้านต่าง ๆ มากมายด้วยเช่นกัน ก่อนจะเริ่มเห็นการเข้าสู่ยุคที่มีการพัฒนา AI อย่างเต็มศักยภาพ ฉะนั้น Gen Beta จึงจะถูกเลี้ยงดูแบบที่ได้รับรู้เรื่องของเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI อย่างชัดเจน รวมถึงรู้จักการระวัง ป้องกันภัยต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งการเตรียมตัวพร้อมรับมือกับสถานการณ์โลกที่จะเปลี่ยนแปลงไป
           Mark McCrindle นักวิจัยสังคมและผู้เชี่ยวชาญด้านอนาคตศาสตร์ ได้สรุปลักษณะสำคัญของ Gen Beta เพื่อให้พ่อแม่ที่เป็น Gen Y กับ Z ได้รับรู้เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ และเป็นแนวทางในการปรับตัว พร้อมทั้งส่งเสริมให้สามารถเตรียมแนวทางพัฒนาศักยภาพ Gen Beta ได้อย่างเหมาะสม มี 5 ประการ ดังต่อไปนี้
         1) Gen Beta จะเติบโตมาในยุคที่ไม่ได้เห็นการแบ่งแยกออนไลน์กับออฟไลน์อย่างชัดเจนแล้ว แต่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์จะรวมกันจนไม่เห็นรอยต่อของการแบ่งแยกได้อีก กล่าวคือ ในชีวิตประจำวันจะมีการดำเนินการสิ่งต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ เสมือนรวมกันเป็นเส้นเดียว โดยไม่ได้รู้สึกแปลกแยก

            2) Gen Beta จะเติบโตมาท่ามกลางการพัฒนาของ AI ที่แทรกซึมอยู่ในวิถีชีวิตประจำวัน และมีเทคโนโลยีขั้นสูง รวมถึงระบบอัตโนมัติ (Automation) ตัวอย่างสิ่งที่ Gen Beta จะพบได้จากนวัตกรรมของ AI เช่น โรงเรียนที่มีครู AI ที่สามารถปรับเนื้อหาและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับความต้องการของเด็กแต่ละคนได้ หรือระบบสุขภาพที่สามารถวินิจฉัยโรคและแนะนำการรักษาได้แบบเรียลไทม์ เป็นต้น

            3) ให้ความสนใจและตระหนักถึงประเด็นสิ่งแวดล้อมมากกว่า Gen อื่น ๆ เนื่องจากเกิดในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในหลากหลายรูปแบบค่อนข้างสูง รวมถึงภัยธรรมธาติและปัญหาสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ มากมาย อาทิ น้ำท่วม ภัยแล้ง ดินโคลนถล่ม และผลจากโลกร้อน ซึ่งพ่อแม่ที่เป็น Gen Y และ Z จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นสิ่งแวดล้อมนี้ไว้ค่อนข้างมาก

            4) ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพศ สีผิว ชาติพันธุ์ หรือประเด็นอื่น ๆ ที่จะมีความหลากหลายมากเพิ่มขึ้นไปอีกในยุคนี้ ถือเป็นเรื่องธรรมดาปกติ

            5) Gen Beta จะตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยทางไซเบอร์เพิ่มมากขึ้น โดยการรู้จักเฝ้าระวังภัยคุกคามจากช่องทางต่าง ๆ เช่น การโกงจากมิจฉาชีพ หรือสแกมเมอร์ เป็นต้น
           นอกจากนี้ Gen Beta จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในส่วนของโครงสร้างประชากร เช่น อัตราการเกิดที่ลดลงและอายุขัยที่ยาวนานขึ้น ซึ่งจะทำให้ความสนใจเปลี่ยนจาก “ประชากรล้นโลก” ไปเป็นเรื่องของ “ความยั่งยืนของประชากร” แทนตลาดแรงงานในอนาคต สำหรับยุค Gen Beta นั้น จะเป็นกลุ่มคนที่มุ่งเน้นการเป็นผู้ประกอบการ และเน้นทางด้านนวัตกรรม มากกว่าคนรุ่นก่อน ๆ และสิ่งที่พ่อแม่ของคนยุคนี้ เห็นว่าควรสอนหรือเตรียมรับมือให้กับลูกแต่เนิ่น ๆ คือ เรื่องการวางแผนเก็บเงินยามเกษียณ หรือกลุ่มประกันสุขภาพและกรมธรรม์ประกันภัย 
           ในอนาคต หลังจาก Gen Beta จะเป็น Gen Gamma คือ ผู้ที่เกิดระหว่างปี 2040 - 2054 ซึ่งสังคมในยุคต่อไปนั้น จะต้องทำความเข้าใจในเรื่องของความต้องการ ค่านิยม และความชอบของ Gen เหล่านี้ เพื่อได้เตรียมพร้อมได้ทันท่วงทีสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่ Gen เหล่านี้จะนำมาในอนาคต

ความท้าทายของ Generation Beta และการปรับตัวของ Generation Y และ Z

           สำหรับความท้าทายของยุคที่เด็ก Gen Beta จะเติบโตนั้น พบว่า สิ่งที่ได้รับการปลูกฝังมาเลยคือ เรื่องของสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน ความปลอดภัยในโลกออนไลน์และการใช้เทคโนโลยี รวมถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและสังคม ซึ่งเด็กในยุคนี้จะมีความสามารถด้านการเลือกใช้เทคโนโลยีด้วยความปลอดภัยกว่าคนยุคสมัยก่อน ๆ เพราะชีวิตประจำวันแทบจะมีเทคโนโลยีข้องเกี่ยวไปเกือบทุกอณู โดยไม่ได้แยกเป็นรูปแบบออนไลน์หรือออนไซต์อย่างชัดเจนอีกต่อไป อีกทั้งเป็นยุคหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดเริ่มเบาบางลง รวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ต่าง ๆ ให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสังคม เศรษฐกิจ การเมือง สิ่งแวดล้อม ซึ่งอาจส่งผลทำให้เด็ก Gen Beta เติบโตมาแบบที่มีความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ ได้มากขึ้น และใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังกว่าคนยุคก่อน ๆ เนื่องจากมีประสบการณ์จากคนรุ่นพ่อแม่ที่ให้คำแนะนำมา และได้รับการเรียนรู้แบบองค์รวม เพื่อให้เกิดความเข้าใจในสิ่งต่าง ๆ ได้ง่ายมากขึ้น จะเห็นได้จากการที่พ่อแม่เน้นให้ใช้เวลากับธรรมชาติ กิจกรรมสร้างสรรค์ และการส่งเสริมทักษะทางสังคม ซึ่งจะส่งผลให้เด็ก Gen Beta มีการปรับตัวและแก้ปัญหาได้ดีมากขึ้น และอาจกลายเป็นผู้นำทางด้านนี้ในแบบที่คนยุคก่อนอาจคาดไม่ถึง
           สิ่งต่อมาคือ การปรับตัวของพ่อแม่ Gen Y และ Z นั้น โดยมีสิ่งสำคัญคือ การต้องทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนที่ดี ไม่ยึดติดกับความรู้ ความคิดเดิม ๆ พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ไปพร้อมกับเด็กในยุคสมัยนี้ ซึ่งพบว่ามีพ่อแม่บางส่วนเริ่มปรับพฤติกรรมลูกให้ใช้เวลากับหน้าจออย่างจำกัด แบบที่เรียกว่า การกำหนดเวลาการใช้งานให้เหมาะสม และเน้นการเรียนรู้ภายนอกกับการสร้างปฏิสัมพันธ์ทางสังคม หรือจากกิจกรรมต่าง ๆ มากกว่า ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่ควรเน้นย้ำเลยคือ การให้ความยืดหยุ่นทางด้านจิตใจ เพื่อให้เด็ก Gen Beta สามารถปรับตัวได้กับสถานการณ์ของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่หยุดนิ่ง ซึ่งหากพ่อแม่ไม่เป็นผู้สนับสนุนที่ดีแล้ว เด็ก Gen Beta นี้ก็อาจประสบกับปัญหาสุขภาพจิตได้เช่นกัน
           นอกจากนี้ การแบ่งรุ่นประชากรมีความสำคัญ เนื่องจากถือเป็นข้อมูลที่นักวิทยาศาสตร์สามารถนำไปใช้วิเคราะห์ได้จริง และประเมินหรือช่วยคาดการณ์อนาคตได้ค่อนข้างแม่นยำ ว่าสิ่งใดจะเกิดผลกระทบได้บ้าง ทั้งด้านประชากร สังคม วัฒนธรรม หรือแม้แต่สิ่งแวดล้อม ดังเช่น เรื่องของการศึกษาที่ทำให้เห็นว่ามีรูปแบบที่แตกต่างกันไป คนรุ่นมิลเลนเนียลต่างเข้าเรียนกวดวิชาเพื่อพยายามเข้าในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ในขณะที่คนรุ่นอัลฟามักจะเรียนรู้ผ่านทางออนไลน์กันมากขึ้น เป็นต้น
           คุณอภินันท์ ธรรมเสนา ผู้จัดการฝ่ายสื่อสารสังคมและขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) โดยเป็นนักมานุษยวิทยา ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า Gen Beta คือ ผู้ที่เติบโตมาโดยไม่ได้พบเห็นความลำบากเท่าใดนัก จึงทำให้อาจกลายเป็นผู้มี IQ สูง แต่ EQ ต่ำได้ เนื่องจากขาดความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เพราะสำหรับ Beta ทั้งเรื่อง “เรียน” “งาน” “ความสัมพันธ์” และ “การใช้ชีวิต” นั้น สามารถทำได้บน “โลกออนไลน์” เป็นหลัก จึงเกิดเป็นความสะดวกสบาย และพร้อมจะเปลี่ยนแปลงไปได้ทุกเมื่อ
           คุณธันยวัชร์ ไชยตระกูลชัย นักการตลาดที่มีชื่อเสียง กล่าวโดยสรุปว่า ในปัจจุบันสิ่งที่คนต้องการคือ “สินค้า” “บริการ”หรือแม้กระทั่ง “งาน” ที่สามารถ “ปรับแต่ง” ให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตมากที่สุด โดยความต้องการเหล่านี้ จะอยู่ใน Gen Beta ด้วย ซึ่งน่าจะหนักกว่าคนยุคก่อน ๆ เริ่มจากเรื่อง “งาน” ที่เด็ก Gen นี้จะไม่ชอบทำในออฟฟิศ แต่จะเน้นแนวคิดที่ว่า “work from anywhere” เพราะเทคโนโลยีช่วยอำนวยความสะดวกได้ ดังนั้น ถ้างานไม่ตอบโจทย์ Gen Beta นี้ ก็พร้อมจะย้ายหนีทันที อีกทั้ง เด็ก Gen นี้ จะไม่สนใจที่จะซื้อ “บ้าน” หรือ “คอนโดฯ”ด้วยเหตุผลที่ว่าราคาสูงเกินไป บวกกับความต้องการจะย้ายที่อยู่ไปตามแหล่งงาน ดังนั้น “ธุรกิจเช่าบ้าน-เช่าคอนโดฯ” ก็อาจมาแรงในยุคสมัยของ Gen Beta เติบโตเช่นกัน อีกเรื่องที่ภาคธุรกิจต้องรู้คือ Gen Beta จะไม่เลือกเพียงจากตัวสินค้าหรือบริการเท่านั้น แต่จะวิเคราะห์เชิงลึกถึงภูมิหลัง และรายละเอียดของบริษัทด้วย เพราะเด็ก Gen นี้คือคนรุ่นที่ตระหนักถึง “Climate Change” และ “ความปลอดภัยทางไซเบอร์” เป็นหลัก เช่น คำนึงว่า ธุรกิจนั้น ๆ ปล่อย carbon footprint ไปเท่าใด หรือมีส่วนงานใดนำข้อมูลส่วนตัวเราไปใช้บ้าง เป็นต้น นอกจากนี้ สิ่งที่จะมาพร้อมกับ Gen Beta คือ “Metaverse” พื้นที่ที่โลก “ออฟไลน์” และ “ออนไลน์” ผสานเข้าด้วยกัน โดยคุณธันยวัชร์ มองว่า นี่คือสิ่งที่ธุรกิจต้องปรับตัว ว่าจะทำอย่างไรให้ทั้ง 2 อย่างนี้ เชื่อมต่อกันให้ได้มากที่สุด ซึ่งสรุปได้ว่า ธุรกิจในยุคของ Gen Beta นั้น จะต้องคำนึงถึงสิ่งหลักต่อไปนี้ คือ ประกอบด้วย การมี 1) Metaverse 2)  personal experience 3) ความยั่งยืน

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

วิทิต บรมพิชัยชาติกุล. (2568). Gen Beta เจเนอเรชันใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับเทคโนโลยี AI และวิกฤตสิ่งแวดล้อม. สืบค้นจาก 
            https://ngthai.com/science/75963/generation-beta/

ผู้จัดการออนไลน์. (2568). เจาะกลยุทธ์ธุรกิจรองรับ “Gen Beta” อสังหาฯ หลบไป เลือกชีวิตปรับแต่งได้ เสิร์ฟเทคโนโลยี. 
            สืบค้นจาก https://mgronline.com/live/detail/9680000001892

เสาวลักษณ์ เขตสูงเนิน. (2568). ทำไม Gen Y-Z ต้องเรียนรู้ ‘Gen Beta’ Gen ใหม่ที่จะโตมากับ AI ความหลากหลาย และวิกฤต   
            โลกร้อน. สืบค้นจาก https://thestandard.co/gen-beta-ai-climate-change-adaptation/

Techsauce Team (นามแฝง). (2568). ทำความรู้จัก Gen Beta ผู้ไม่รู้จัก ‘โลกในยุคไร้ AI’ เจนเนอเรชั่นกำเนิดใหม่ของปี 2025. 
            สืบค้นจาก https://techsauce.co/saucy-thoughts/gen-beta-future-generation-2025

ThaiPBS. (2568). รู้จัก “เจน เบตา” ไม่ใช่แค่คนรุ่นใหม่ แต่คือความหวังโลกศตวรรษหน้า. สืบค้นจาก 
            https://www.thaipbs.or.th/news/content/347763

แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง

Arasan, D. (2025). Generation Beta starts now, after Millennials, Gen Z, and Alpha. Philippine Daily Inquirer: 
            Web Edition Articles (Manila, Philippines), January 2, 2025 News: 2pp. Retrieved from 
            https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=97e29fb4-3aed-3f2e-8139-06dded57a9e3

Bawaan, N. (2025). What will life look like for gen Beta?; New year marks introduction of next generation.    
            Toronto Star, The (Ontario, Canada), January 2, 2025 News ONT: 4pp. Retrieved from
            https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=ca0775fe-ff2b-3ff9-ba95-cd3189de4f18

Ck, V. (2025). Meet Generation Beta: Arriving In 2025, Shaped by Tech, Climate and Social Change. 
            International Business Times (USA), January 1, 2025 News: 3pp. Retrieved from  
            https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=74fe7a29-8f6e-37b4-864c-569ba4b842cc

Gen Alpha is no longer the youngest generation -- Gen Beta has arrived. (2025). The Business Insider (Blogs on 
            Demand), January 1, 2025. Retrieved from 
            https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=65de630c-5180-3373-a85d-6701b141d147

Huriash, L. J. (2025). Will Generation Beta be at mercy of AI? South Florida experts predict future of newest 
            age group. Sun Sentinel: Web Edition Articles [TCA] (Fort Lauderdale, FL), January 10, 2025 State and 
            regional: 7pp. Retrieved from 
             https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=7eddd685-7ac4-32d0-a2ab-5eaa19f5f9ca

New Era of AI Kids as World Transits to Generation Beta on Wednesday. (2024).  Will, The (Nigeria), December 
            30, 2024 News: 2pp. Retrieved from 
            https://research.ebsco.com/linkprocessor/plink?id=21f35330-7442-339c-994e-74dacf21ca85

 

ดวงพร อรัญญพงษ์ไพศาล | 22/01/2568 | 2 | share : , ,
แบบประเมิน